วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

การปรับปรุงที่ดียิ่งขึ้นของ TinyMCE ใน joomla 3.2

สำหรับ เวลานี้ joomla ได้พัฒนาเป็น joomla เวอร์ชั่น 3.2 ออกมาให้ได้ดาวน์โหลด มาใช่งานกันแล้ว สำหรับสิ่งที่พัฒนา ก็มีหลายส่วนรวมทั้ง เจ้าตัว Editor ซึ่งเป็น 1 ใน extension joomla ที่ คู่บุญกันมานานตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.5 รุ่นก่อนหน้านั้น คือ TinyMCE 3 ซึ่งถูกปล่อยมาครั้งแรกเมื่อปี 2008  ซึ่งในเวอร์ชั่น 3.2 ก็มีการเปลี่ยนเวอร์ชั่น เป็น TinyMCE 4


สำหรับ เวลานี้ joomla ได้พัฒนาเป็น joomla เวอร์ชั่น 3.2 ออกมาให้ได้ดาวน์โหลด มาใช่งานกันแล้ว สำหรับสิ่งที่พัฒนา ก็มีหลายส่วนรวมทั้ง เจ้าตัว Editor ซึ่งเป็น 1 ใน extension joomla ที่ คู่บุญกันมานานตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.5 รุ่นก่อนหน้านั้น คือ TinyMCE 3 ซึ่งถูกปล่อยมาครั้งแรกเมื่อปี 2008  ซึ่งในเวอร์ชั่น 3.2 ก็มีการเปลี่ยนเวอร์ชั่น เป็น TinyMCE 4

จากรูป นี้ก็คือ Editor TinyMCE ที่เราใช่งาน อยู่ปัจจุบัน
สำหรับ เวลานี้ joomla ได้พัฒนาเป็น joomla เวอร์ชั่น 3.2 ออกมาให้ได้ดาวน์โหลด มาใช่งานกันแล้ว สำหรับสิ่งที่พัฒนา ก็มีหลายส่วนรวมทั้ง เจ้าตัว Editor ซึ่งเป็น 1 ใน extension joomla ที่ คู่บุญกันมานานตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.5 รุ่นก่อนหน้านั้น คือ TinyMCE 3 ซึ่งถูกปล่อยมาครั้งแรกเมื่อปี 2008  ซึ่งในเวอร์ชั่น 3.2 ก็มีการเปลี่ยนเวอร์ชั่น เป็น TinyMCE 4

จากรูป นี้ก็คือ Editor TinyMCE ที่เราใช่งาน อยู่ปัจจุบัน


ซึ่ง TinyMCE 4 นั้น จะถูกปล่อยออกมาในมิถุนายน ปีนี้ ดูจากรูปด้านล่างเลยครับว่าความแตกต่างเป็นอย่างไร จะเห็นรูปแบบ ไอคอนที่ดู คมชัด คลาสสิก มากยิ่งขึ้น - See more at:
ซึ่ง TinyMCE 4 นั้น จะถูกปล่อยออกมาในมิถุนายน ปีนี้ ดูจากรูปด้านล่างเลยครับว่าความแตกต่างเป็นอย่างไร จะเห็นรูปแบบ ไอคอนที่ดู คมชัด คลาสสิก มากยิ่งขึ้น



มีเมนู แบบเลื่อนลง และมีการตั้งค่าที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น 


สำหรับเจ้าตัว editor TinyMCE 4 นั้นจะมีระบบ API ที่ดีขึ้นและ สามารถเปลี่ยน Skin ใน plugin ได้ด้วย คุณสามารถ เข้าไปดูข้อมูลเบื้องต้นแบบ เต็มๆ ได้ที่เว็บนี้ http://www.tinymce.com/presentation/


สำหรับ ไฮไลท์ สำคัญ บางส่วน
  •     มีอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย และให้ผู้ใช้งาน ใช้งานได้ง่ายขึ้น
  •     มีหน้าตาแบบบใหม่ ให้ใช่งานได้ง่ายสะดุดตา
  •     สามารถแก้ไขหรือใช่งาน Editor จาก fornt end ได้ดียิ่งขึ้น
  •     สามารถใช้ element ของ video และ audio ด้วย HTML5
  •     ใช้เครื่องมือสร้างตารางได้ง่ายมาก
  •     กรอก tag ต่างๆ ที่ติดมาจาก MS Word

ที่สำคัญคุณยังสามารถไปปรับมาใช่งานกับ Mobile ได้อีกด้วย แค่คุณไปที่ Extensions > Plugin Manager > Editor - TinyMCE แล้วไปเปิดใช่้งาน Mobile Mode


นี้ก็คือตัวอย่างกรใช้งาน กับมือถือครับ


วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

สร้าง content ที่มีประสิทธิภาพด้วย K2

สวัสดีตอนเช้าๆ ครับ วันนี้ผมก็มี workshop เล็กๆ ของ k2 มาเสนอ ตามที่มีท่านผู้ชมขอมา ผมเลยจัดให้ครับ เอาละมาดูกัน

ตัวอย่างในการสร้าง หนังสือ กับ component k2

การสร้าง Field ใน component k2

1.  ก่อนจะเริ่มสร้างเนื้อหาหนังสือเข้าไป ครับ เราต้องมาสร้าง Extra Field Groups กันก่อนครับ เพื่อที่เราจะได้แยกประเภทคำอธิบายที่เป็นในลักษณะ Field ต่างๆที่จะเพิ่มในเนื้อหาของ บทความเกี่ยวกับหนังสือ ไปที่ Component  k2 แล้วเลือก แถบเมนูชื่อ Extra Field Groups ตามรูปครับ

2. จากนั้นก็คลิก New เพื่อสร้าง Extra Field Groups ครับ


3.  จากนั้นก็จะเป็นชื่อของ Group name ให้เราใส่ชื่อ Extra Field Groups ครับ เมื่อเสร็จแล้วก็ save ปิดได้เลยครับ

4. เท่านี้เราก็จะได้ Extra Field Groups กรุ๊ปมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปให้เรา สร้าง Field ต่างๆ แล้วให้มันอยู่ ใน Extra Groups เราจะสร้างหนังสือใช้ไหมครับ ก็ต้องมี 
รหัสสินค้า
ชื่อผู้แต่ง
ราคา
สำนักพิมพ์

5. ขั้นตอนต่อไปก็ให้ไปที่ Extra Fields แล้วคลิกที่ New เพื่อทำการสร้าง field ขึ้นมาใหม่ 

6. หน้าตาของการ Add extra field ครับ
6.1 ชื่อของ Field 
6.2 เลือก Group เป็นส่วนของ Extra Field Groups ที่เราได้สร้างมาครับ
6.3 ประเภทของ field ต่างๆ มีทั้ง Text Field ,Text Area, Drop Down ๆลๆ  ในที่นี้ให้เราเลือกเป็น  Text Field


7. เท่านี้เราก็จะได้ field ทั้งหมดที่เราสร้างมา


การสร้างบทความใน component k2

สำหรับการสร้างเนื้อหาหรือบทความของ component k2 ก็จะเหมือนกับ Article ของ Joomla ครับ คือก่อนที่จะสร้างบทความใดๆ นั้น ควรจะสร้างหมวดหมู่(category)ให้มันก่อนเพื่อการจัดเนื้อหาให้เป็นระเบียบและสามารถเรียกใช้ได้ง่ายอีกด้วย

1.ให้เราเลือกแทบ เป็น categories แล้วก็คลิก New


2.  เมื่อเข้ามาในหน้าสร้างหมวดหมู่แล้ว ส่วนสำคัญที่ต้องปรับ ก็คือ
2.1 ชื่อของหมวดหมู่ ควรจะตั้งให้สอดคล้องกับเนื้อหาภายในหมวดหมู่
2.2 .ให้หมวดหมู่นี้เลือกใช้ Extra field ที่เราสร้างมา


3. เท่านี้เราก็ได้ Categories

4. จากนั้นเราก็มาสร้าง items กันครับก็เหมือนการสร้างเนื้อหาใน article เหละครับ เลือก แทบ Items แล้วคลิก 

5. เมื่อเข้ามาก็จะพบกับส่วนขแงการใส่เนื้อหา ที่สำคัญอย่าลืมเลือกหมวดหมู่ให้ถูกต้องด้วยนะครับ
5.1 ชื่อเรื่องของบทความ
5.2 เลือกหมวดหมู่ที่จะจัดเก็บในเนื้อหา
5.3 ใส่เนื้อหา

6. เลือกแทบ Extra Fields แล้วกรอกให้ข้อมูลใน field ที่เราเคยสร้างที่ Group ได้เลยครับ


7. สามารถแนบไฟล์ ได้ด้วยครับ ในแทบชื่อว่า Attachments


8. เมื่อเราเพิ่มเนื้อหาจนครบ เราก็ กด Save & Close ออกมา แล้ววิธีทีจะเรียกใช้งานนะครับ ให้เราไปที่ Menu Manager แล้วสร้างเมนูใหม่ขึ้นมา ในที่นี้ผมเลือกประเภท Items นะครับ ก็จะแสดงคล้ายๆ Single Article ของ Joomla เหละครับ


เมื่อเราเลือกประเภทเสร็จก็เลือก เนื้อหามาแสดงครับ


ผลลัพธ์ที่ได้ครับ


นี้ก็เป็นตัวอย่างเบื้องต้นที่ง่ายในการใช้งาน component k2 ถ้ามีอะไรติชม ก็ ลองคอมเม้นต์ กันเข้ามาเลยนะครับ

แอดหนอด


วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

สร้าง Lightbox ง่ายๆ กับ plugin Modals

สวัสดีครับ พบกับผม แอดหนอด วันนี้ไปเจอบทความดีๆ ในเว็บ os-tranning เป็นเรื่องของ Lightbox ผมก็เลยมาเรียบเรียงให้ ว่ามันใช้งานยังไง

ไอ้เจ้าตัวนี้ก็คือ plugin ครับ ที่ทำให้รูปแบบ ของเราที่ใส่ code ของ plugin ตัวที่เราติดตั้งกันให้เป็นแนว
ป๊อปอัพ  แบบ lightbox

1. ขั้นตอนแรกก็หาโหลดมา ตามลิงค์ข้างล่างเลยครับ plugin Modals
http://extensions.joomla.org/extensions/style-a-design/popups-a-iframes/4277

2.จากนั้น คุณก็ไป ติดตั้ง ที่ Extensions Manager ก็อย่าลืมไปเปิด ปลั๊กอิน ที่ plugin manager ด้วยครับ

3. เมื่อเปิดปลั๊กอิน แน่นอนว่ามันเปิดการทำงานนี้แล้ว โดยปลั๊กอินตัวนี้จะใช้ {modal} tag

4. ทดสอบการใช้งานจากการใส่ วีดีโอ ใน Article ใช้  {modal} {/modal}  ในการสร้างป๊อปอัพ ครับ

ถ้ามองไม่เห็นนี้เลย ลองก็อปโค้ดไปทางด้านล่างดูครับ

{modal http://www.youtube.com/embed/tENZDoj5MTg|width=560|height=315|title=Learn all about What? Nothing!}Youtube video{/modal}

และเมื่อเราลอง save ไปดูหน้าเว็บ จะเห็น ผลลัพธ์


ถ้าต้องการให้เมนูเป็นแบบ popups ก็สามารถทำได้อีก แค่เอา tag {modal} ไปใส่ที่ title เมนูดังรูป

แค่นี้เหละครับเมนูเราก็จะเป็นแบบ Lightbox


สำหรับวันนี้ แอดหนอด ก็ขอลาท่านผู้ชมที่รักทุกท่าน สำหรับบุคคนท่านใดสนใจ ให้ลองทำ รีวิว ตัวไหน ก็ลอง comment กันดูครับ หรือ inbox เข้ามาที่ karupid@gmail.com ครับ



วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

Remove "Powered by Phoca Download" versions 3.0


วิธีลบ Powered by Phoca Download

เมื่อเรา download  extensions บางตัว ที่ ฟรี ไม่เสียตังค์ ก็จะพบกับปัญหา การติด copyright มาด้วย การไปลบ ของ extension phoca download ในหน้า catagory view นั้นให้ไปที่

components\com_phocadownload\views\category\tmpl\default.php ประมาณไลน์ที่ 124-125 จะเจอโค้ด

echo '</div><div class="pd-cb">&nbsp;</div>';
echo $this->t['pw'];

ทำเครื่องหมาย หรือลบทิ้งเลยก็ได้

//echo '</div><div class="pd-cb">&nbsp;</div>';
//echo $this->t['pw'];

phoca download ในหน้า catagories view นั้นให้ไปที่

components\com_phocadownload\views\categories\tmpl\default.php  ประมาณไลน์ที่ 200-201 จะเจอโค้ด

echo '<div class="pd-cb">&nbsp;</div>';
echo $this->t['pw'];

ทำเครื่องหมาย หรือลบทิ้งเลยก็ได้

//echo '</div><div class="pd-cb">&nbsp;</div>';
//echo $this->t['pw'];

ผลลัพธ์

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

Embed YouTube Videos in Joomla 2.5 and 3 แบบง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ iframe


สวัสดีครับ พบกับ บทความที่จะทำให้ทุกคนนั้น ง่ายต่อการฝังโค้ด หรือการ Embed ซึ่งบทความนี้เราจะนำเสนอ plugin YouTube Embedder  ที่จะทำให้เราง่ายต่อการ นำ วีดีโอ จาก youtube ไปโชว์ใน บทความของเรานะครับ โดยที่เราไม่ต้องการนำโค้ด <iframe></iframe> ไปแปะไว้เลยครับ เราแค่นำ แค่ url ไปใช้  โอ๊ะ ง่ายเกินไปไหม โอเค งั้นเรามาดูกันว่า มันจะง่าย ขนาดไหน

1.การติดตั้ง

    ไปที่หน้าเว็บของ YouTubeEmbedder เพื่อทำการดาวน์โหลด
    ในเว็บไซต์ Joomla ของคุณเมื่อดาวน์โหลดมาเสร็จแล้ว ไปติดตั้งเลยครับที่ Extention Manager
    เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วไปจัดการ plugin Manager แล้วทำการ enable plugin ตัวนี้ครับ
    เข้าไปภายในปลั๊กอินที่คุณสามารถตั้งค่าความสูงเริ่มต้นและความกว้างสำหรับวิดีโอ



2.การใช้

    Go to YouTube.com และหาวิดีโอที่คุณต้องการใช้
    คัดลอก URL ของวิดีโอ


วาง URL ลงในบทความที่เราต้องการให้ วีดีโอแสดง


เมื่อใส่เรียบร้อย ลองไปดูหน้าบทความที่คุณใส่ก็จะได้ดังรูป

สำหรับ plugin ตัวนี้ก็เป็นตัวอย่างง่ายๆ สำหรับคนที่ต้องการใส่ content ง่ายๆ หรือต้องการให้ผู้ดูแล เว็บแทนเราใส่ content ที่ไม่ค่อยรู้จักโค้ด มากเท่าไร ลอง เอาไปใช้กันนะครับ เพราะว่ามันง่ายมากเลย





วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

เทคนิค การจะเลือก Extensions ไว้ใช้ สักตัว

ในการจะเลือกใช้ Extensions ให้ตรงกับงาน เว็บไซต์ของเราสักตัวนั้น คุณควรจะคิดสักหน่อยว่าเว็บเรา นั้น ใช้ในงานอะไรบ้าง โดย เทมเพลต ที่เราเลือก support mobile หรือไม่ บางทีก็ควร ดู อะไรหลายๆ อย่าง การจะโหลด extensions นั้น ให้ดาว์โหลดได้ที่  http://extensions.joomla.org/ เดียวเรามาดูการ เลือก extensions ในแบบ ฉบับผม กัน

1. Top Rated , Most Reviewed  สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยก็คือ ได้ดาวเยอะ กับ คนที่มารีวิว เยอะๆ แน่นอน ว่า extensions ตัวนี้เป็นที่นิยม และถ้าเราติดปัญหาวิธีการใช้งาน เราก็สามารถค้นหาได้ง่ายเนื่องจากมีคนใช้เยอะ

2. เลือกให้เหมาะ กับเว็บไซต์ของเรา
    ยกตัวอย่างครับ ว่า เราจะเลือก slideshow สักตัว ที่ มี effect สวยๆ และสามารถ ลิงค์กับ content เราได้ด้วย และอยากให้แสดงบนหน้า mobile ได้ แน่นอนครับ สำหรับ การแสดง บน หน้า mobile เราก็ไม่ควรเลือกประเภท silde ที่เป็น flash ควรจะเลือก ให้แสดง แบบ jQuery JavaScript Framework หรือ แบบ HTML 5  ไม่ใช่ เห็น โมดูลตัวนี้ sildeshow ก็จะติดตั้งลูกเดียว

3. ควรจะ ดู demo ก่อนทุกครั้ง
    บาง extensions จะมี ตัวอย่างให้เรา ดู เราควรจะดูสักนิด ว่ารูปแบบการใช้งาน เป็นแบบไหน เพื่อบางตัว เราเสียตังค์ซื้อมาแล้ว ใช้งานไม่ตรงกับใจเรา ก็อาจจะเสียตังค์ฟรี ได้เหมือนกันนะครับ

วันนี้ก็เท่านี้ก่อนน้อ สำหรับ แอดหนอด  ขี้เกียจพิมพ์แล้วววว

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

ทำไมคุณต้องใช้จุมล่า Joomla



สวัสดีครับ ผม แอดหนอด เป็นผู้ดูแลเว็บบล็อก นี้ ก่อนอื่นนะครับ เรามาทำความเข้าใจกับ บทความอันนี้ก่อน  ทำไมคุณต้องใช้จุมล่า Joomla  จุมล่าก็คือ CMS ตัวนึง ครับ ที่เหมาะ แก่ การทำเว็บ content  หรือเว็บที่จะจัดการบทความ เนื้อหา ต่างๆนั้นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมจะไม่พูดถึงการ ต้องใส่เนื้อหายังไง การเอาตำแหน่งของโมดูลไปใช้งานอย่างไร  เอาเป็นว่าเรา มาดูกัน ว่า ยอดดาว์โหลด จุมล่า นั้น มีคนใช้งาน กว่า 35 ล้านคนทั่วโลก

เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ว่า ทำไมคุณต้องใช้จุมล่า Joomla

1. ติดตั้งง่าย และ เอาขึ้นโฮสต์ง่าย : ทำไมนั้นหรือ เพราะ joomla มี extension ที่ชื่อว่า Akeeba Backup มันจะทำการ zip ทั้ง ฐานข้อมูล และ ข้อมูลของเว็บไซต์ เวลาติดตั้งก็แค่แตกไฟล์แล้วติดตั้ง เหมือนจุมล่า โดยปกติทั่วไป ไม่ต้องแยก ฐานข้อมูล กับข้อมูล ต้องไป import และไปแก้ไฟล์ config ที่ยุ่ยากอีกต่อไป

2. ครอบคลุม : อ่า โดย โปรแกรมเสริม หรือที่เรียกว่า Extensions  นั้นมีหลายแบบ ตั้งแต่ ร้านค้าออนไลน์ Tickets , Form , Gallery , Download ๆลๆ นั้นคือสิ่งที่ครอบคุลม มากับ CMS

3. ใช้เวลาไม่นาน : แน่นอนถ้าคุณไม่เครียดเรื่องการแต่งหน้าเว็บ หรือ โม เทมเพลตให้เป็นดั่งใจพวกคุณต้องการ ใช้เวลาไม่ ถึง 2 วันก็มีเว็บเป็นของตัวเองแล้ว แน่นอนสำหรับ บริษัทสมัยใหม่ๆ ที่หันมาใช้ CMS เน้นการใช้งานง่าย และจบ โปรเจนั้น ไว เช่นกัน รับตังค์ไว อิอิ

นี้ก็คือสิ่งที่ผม กล่าวมา  ที่ผมยังเลือกใช้ เจ้านี้อยู่ เพราะตอนนี้ผมก็รอใ้ห้เป็นเวอร์ชั่น 3.5 ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ผมจะได้หันมาใช้ joomla 3 แบบเต็มตัวสักที

จากที่กล่าวมา CMS joomla ก็มีข้อจำกัด คือ extensions บางตัวก็ทำอย่างใจเราต้องการ ไม่ได้ บางทีอาจจะต้องเขียนระบบเอง เขียน สคริปเพิ่ม มันไม่เหมือนกับเว็บที่เราเขียนขึ้นมาเอง ในเรื่องนี้ เราต้องยอมรับมัน ให้ได้เพราะ ว่า ระบบ cms joomla คนใช้งานกันทั่วโลก เลยออกแบบมาให้เป็นสากล ให้ใช้งานครอบคลุม ครับ

CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ โดยที่ตัว CMS เองมีโปรแกรมประยุกต์ แบบพร้อมใช้งานอยู่ภายในมากมายอาทิ ระบบจัดการบทความและข่าวสาร(News and Story) ระบบจัดการบทวิจารณ์ (Review), ระบบจัดการสมาชิก(Mamber) ระบบสืบค้นข้อมูล(Search) ระบบจัดการไฟล์ดาวน์โหลด(Download), ระบบจัดการป้ายโฆษณา(Banner), ระบบการวิเคราะห์และตรวจสอบสถิติความนิยมในเว็บไซต์ (Analysis, Tracking and Statistics) เป็นต้น
ปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS มีหลายตัวด้วยกันอาทิเช่น PostNuke, PHP-Nuke, MyPHPNuke, Mambo, eNvolution, MD-Pro, XOOPs, OpenCMS, Plone, JBoss, และ Drupal ซึ่งถูกนำมาใช้สร้าง website ของพวกเรา เป็นต้น

การประยุกต์ใช้ CMS ในวงการต่างๆ
ระบบ CMS สามารถนำมาประยุกต์ในงานต่างๆ หลากหลาย ตัวอย่างการนำซอฟต์แวร์ CMS มาประยุกต์ใช้งาน อาทิเช่น
- การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สถาบันการศึกษา ธุรกิจบันเทิง หนังสือพิมพ์ การเงิน การธนาคาร หุ้นและการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ งานบุคคล งานประมูล สถานที่ท่องเที่ยว งานให้บริการลูกค้า
- การนำ CMS มาใช้ในหน่วยงานของรัฐ อาทิเช่น งานข่าว งานประชาสัมพันธ์ การนำเสนองานต่างๆ ขององค์กร
- การใช้ CMS สร้างไซต์ ส่วนตัว ชมรม สมาคม สมาพันธ์ โดยวิธีการแบ่งงานกันทำ เป็นส่วนๆ ทำให้เกิดความสามัครคี ทำให้มีการทำงานเป็นทีมเวิร์คมากยิ่งขึ้น
- การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กำลังได้รับความนิยมสูง
- การนำ CMS มาใช้แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์ อื่นๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการพัฒนา
- การใช้ CMS ทำเป็น Intranet Web Site สร้างเว็บไซต์ใช้ภายในองค์กร

แล้ว CMS กับ Web log มันต่างกันตรงไหน
Web log นิยมเรียกสั้นๆ ว่า Blog หมายถึง เว็บไซต์ที่มีรูปแบบง่ายๆ โดยมากจะเป็นในลักษณะเว็บไซต์ส่วนตัวคนสร้างบล็อกต้องการบรรยายเหตุการณ์ส่วนตัว อาทิ ความในใจ ชีวิติครอบครัว เหตุการณ์ประทับใจในชีวิต อะไรทำนองนี้ โดยที่เนื้อหาของบล็อกแต่ละบล็อกนั้นจะเป็นเนื้อหาใหม่ล่าสุด ไล่ย้อนหลังลงกลับไปเรื่อยๆ กล่าวคือข้อความหลังสุดจะอยู่ด้านบนสุด เราเรียกคนที่ทำ Blog ว่า Blogger หรือ Weblogger โดยในเนื้อหาใน Blog นั้นจะส่วนประกอบสามส่วนคือ
- หัวข้อ (Title) เป็นหัวข้อสั้นสั้นๆ
- เนื้อหา (Post หรือ Content) เป็นเนื้อหาหลักที่คนสร้าง Blog ต้องการที่จะบอกให้คุณทราบ
- วันที่เขียน (Date) เป็นวัน เดือน ปี ที่เขียน
ทูลที่ใช้ทำ Blog เช่น pMachine , b2evolution, bBlog, MyPHPblog, Nucleus, Wordpress, Simplog เป็นต้น
ปัจจุบันเว็บบล็อกบางตัวฝังโมดูลกระดานข่าวและอื่นๆ มาด้วย
หากจะพูดแบบภาษาชาวบ้าน CMS ก็คือปู่ของ Blog นั่นแหละครับ เพราะ CMS เองก็สามารถนำมาทำเป็น Blog ได้ แต่ CMS มันมีความสามารถอื่นๆ อีกมากที่บล็อกทำไม่ได้